ผลเสียของการจอดรถเก่าทิ้งไว้นาน ๆ
เชื่อหรือไม่ว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทราบว่าการจอดรถเก่าทิ้งไว้นาน ๆ จะมีผลเสีย แต่กลับคิดว่า เป็นการใช้แบบถนอม ซึ่งการคิดแบบนั้นเป็นการคิดที่ผิด เพราะผลเสียจากการจอดรถเก่าทิ้งไว้นาน ๆ มีผลเสียตามมามากมาย เช่น น้ำมันในถังที่เราเติมไว้เสื่อมสภาพจากการที่ส่วนผสมบางตัวเกิดการระเหยส่งผลให้เครื่องยนต์เผาไหม้ไม่สมบูรณ์และมีปัญหาอื่นตามมา, เกิดการชำรุดภายในเครื่องยนต์และยางรถเสื่อมสภาพ และอาจเกิดร่องรอยขีดข่วนหรือตำหนิต่าง ๆ ฯลฯ ทำให้รถยนต์สภาพเดิมที่แอบเก่าตามกาลเวลาบ้างอยู่แล้ว ยิ่งเสื่อมสภาพลงไปกันใหญ่
วิธีการดูแลรถเก่าที่จอดทิ้งไว้ไม่ค่อยได้ใช้งาน – ไม่ได้ใช้นาน ๆ
สำหรับใครที่รู้ตัวว่า มี รถยนต์เก่า ที่จอดทิ้งไว้นานเกินกว่า 2-3 สัปดาห์ขึ้นไป รีบมาดูวิธีการดูแลรถเก่าที่จอดทิ้งไว้ไม่ค่อยได้ใช้งาน – ไม่ได้ใช้นาน ๆ ด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้รถมีปัญหาจนอาจต้องเสียเงิน เสียเวลานำรถไปซ่อม
1. เลือกสถานที่จอดให้เหมาะสม
เมื่อคุณรู้ตัวว่า คุณมีรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้นาน ๆ สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ เลือกสถานที่จอดให้เหมาะสม โดยเราขอแนะนำให้เลือกจอดในที่ร่ม ห่างไกลจากต้นไม้ โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ที่อาจล้มหรือมีผล/ยาง/กิ่งไม้ของต้นไม้/ขี้นกหล่นลงมาทำให้รถเปื้อน หรือเกิดรอยขีดข่วนได้ อีกทั้งควรห่างไกลพวกท่อ ถังขยะ พื้นเปียกแฉะ ที่อาจเจอกับรังหนูมาแกะแทะเครื่องยนต์ทำให้รถของคุณพังได้ แต่พื้นที่ที่คุณเลือกจอดก็ควรปลอดภัย ไว้ใจได้ด้วย เพราะการจอดทิ้งไว้นาน ๆ บางครั้งอาจละเลยจนโดนขโมยไปแล้วยังไม่รู้ตัว หรือสัตว์มีพิษแอบหลบเข้าไปอาศัยในรถก็เป็นได้
2. ทำความสะอาดรถบ้าง
อีกหนึ่งปัญหาที่ต้องเจอแน่นอน หากปล่อยให้รถอยู่เฉย ๆ ไปนาน ๆ คือ ฝุ่นและสิ่งสกปรกมาเกาะตามรถ ทำให้เกิดตำหนิในเรื่องสี และเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคภายในห้องเครื่องได้ จึงควรแบ่งวันประมาณ 1-2 วันต่อสัปดาห์มาทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายในให้ทั่วทั้งคันรถ เก็บของให้เรียบร้อย ดูดฝุ่นภายในให้ทั่ว ถอดผ้าใบหรือพรมปูพื้นรถมาซักทำความสะอาด รวมถึงหาตัวช่วยลดกลิ่นอับปรับกลิ่นภายในรถให้มีกลิ่นหอมด้วยยิ่งดี
3. ลองสตาร์ตเครื่องบ้าง
แม้จะไม่ได้ใช้งานรถยนต์ แต่แบตเตอรี่มีการถูกดึงไฟมาเพื่อให้รถยนต์เตรียมพร้อมใช้งานตลอดเวลา หากทิ้งไว้นาน ๆ อาจเกิดปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมได้ บางคนอาจจะเลือกใช้วิธีถอดขั้วแบตเตอรี่ออกก่อนเพื่อป้องกันการดึงประจุแบตไปใช้ก็ได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ เราขอแนะนำให้ลองสตาร์ตเครื่องบ้าง อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ขั้นต่ำครั้งละประมาณ 10-15 นาที เพื่อคงสภาพแบตเตอรี่และเครื่องยนต์ให้สามารถใช้งานได้ปกติตามอายุ โดยจะเลือกขับออกไปที่อื่นหรือจะสตาร์ตติดเครื่องจอดกับที่ก็ได้
4. ดูแลเรื่องน้ำมันเครื่องและไส้กรอง
พวกของเหลวก็มีโอกาสเสื่อมสภาพได้ง่าย โดยเฉพาะพวก น้ำมันเครื่องและไส้กรอง น้ำมัน น้ำในหม้อ ฯลฯ เบื้องต้นให้คอยสังเกตว่า อยู่ในระดับที่พอดีหรือไม่ มีการรั่วซึมตรงไหนรึเปล่า มีความชื้น/ตะกอนบ้างหรือไม่ พยายามอย่าให้น้ำมันเครื่องและน้ำในหม้อแห้งสนิท อีกทั้งต้องคอยระวังไม่ให้ในถังน้ำมันมีช่องว่างจนเกิดการควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำเกาะตามพื้นที่ว่างในถังน้ำมันจนเป็นสนิมจนมีปัญหากับระบบน้ำมัน
5. อัดลมยางให้แน่น
โดยปกติตัวยางจะถูกกดทับเพื่อรับน้ำหนักตัวรถ เมื่อมีการจอดทิ้งไว้นาน ๆ ยิ่งมีโอกาสที่โครงสร้างยางจะผิดรูปหรือมีปัญหาได้ จึงควรป้องกันยางมีปัญหาด้วยการอัดลมยางให้แน่นที่ประมาณ 50-60 PSI เพื่อรักษารูปทรงของโครงสร้างยาง เมื่อกลับจะนำรถเก่ากลับมาใช้งานบ่อย ๆ ตามปกติค่อยปล่อยลมให้พอดีกับรถของคุณ หากต้องจอดรถทิ้งไว้นานกว่า 1 เดือน เราขอแนะนำให้ใช้แม่แรงสามขาตั้งรถยกล้อลอยไว้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของล้อยางที่ใส่อยู่จะดีกว่า
สุดท้ายนี้ รถเก่า ที่คุณเคยใช้คู่ใจแม้จะเป็นสิ่งของ แต่ก็เป็นสิ่งที่ต้องการการดูแลอย่างสม่ำเสมอไม่ต่างจากต้นไม้ที่ต้องมีการดูแลรดน้ำ พรวนดิน หาที่ให้เหมาะสม ฯลฯ เพื่อให้รถคันนั้นยังคงสภาพและประสิทธิภาพไว้ ไม่ให้พังไปก่อนเวลาอันควร อย่าลืมที่จะแบ่งเวลาและนำวิธีที่เราได้นำมาฝากไปปรับใช้กับรถของคุณตามความเหมาะสมกัน